"ทำไมถึงชอบทำงานเสาร์อาทิตย์ ไม่คิดจะพักบ้างเหรอ"
อันที่จริงผมเองก็ไม่ได้ชอบหรอกนะ แต่ไม่รู้ว่าถ้าไม่ทำงานแล้วจะให้ทำอะไรนะสิ มันเหงาอะ
ผมเคยมีช่วงเวลาที่มีเพื่อนมากมายหลายกลุ่มจนถึงขั้นไม่สามารถพบปะสังสรรค์กับเพื่อนได้ครบ ต้องเลือกปฏิเสธไปบ้าง เข้าสังคมแทบทุกวัน ใช้เวลาคุ้มค่ามาก แต่มาถึงตอนนี้ทำไมมันเหงาไปแบบคนละขั้วเลยนะ
ตั้งแต่เริ่มทำงานมา เพื่อนสมัยเรียนก็ค่อยๆ หายไป บางคนกลับไปทำงานที่ภูมิลำเนาของตัวเอง บางคนโกอินเตอร์ไปเรียนต่อต่างประเทศ นานๆ จะได้เจอกันสักครั้ง เพื่อนที่อยู่กรุงเทพด้วยกันหลายๆ คนก็เริ่มมีคู่ครอง บ้างก็แต่งงาน บ้างก็ยัง แต่ดูเค้าก็ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอดนะ
ตัวผมเองใช่ว่าจะไม่มีแฟน แต่ก็คบกันเหมือนเด็กวัยเรียนเป็นแฟนกันอย่างนั้นแหละ ไม่ค่อยมีโอกาสไปไหนด้วยกันเท่าไรนัก บ้านก็ไกลกัน พ่อแม่ก็หวงราวกับไข่ในหิน เหมือนท่านไม่รู้ว่าผมจะ 30 แล้วนะเนี่ย
เพื่อนที่ทำงานสมัยเป็นครูที่ สว๒ ส่วนใหญ่ก็เป็นรุ่นพี่ทั้งนั้น ยิ่งนานวันก็เหมือนพี่ๆ เค้าจะโตเร็วกว่าผมนะ รสนิยมในการไปไหนมาไหนกันค่อยๆ แตกต่างกันไป ยิ่งที่ สศ. นี่แทบไม่มีรุ่นเดียวกันเลย บ้างก็มีครอบครัวแล้วอีก เลิกงานก็ต่างคนต่างแยกย้าย
เพื่อนนักดนตรีนี่แทบไม่เจอกันเลย ทำงาน ไม่มีเวลาเล่นดนตรี พอไม่เล่นดนตรี event ก็เริ่มหายไป
มาถึงปัจจุบันลาออกมาทำ Open Durian เต็มตัว นานๆ จะเข้าออฟฟิศสักที ทำงานที่บ้าน ไม่ได้ไปไหนนอกจากมีสอนพิเศษ เก็บตัวอยู่แต่บ้าน ไม่ดูแลตัวเอง ผมยาว หนวดเฟิ้ม รู้สึกเหมือนเป็นบรูซ เวย์น ใน The Dark Knight Rises ตอนต้นเรื่อง
งานอดิเรกที่พอจะทำได้ก็คือไปนั่งอ่านหนังสือตามร้านกาแฟ หากาแฟอร่อยๆ กิน จะไปกินเบียร์คนเดียวพอเริ่มเมาก็ยิ่งเหงา เพ้อเจ้ออีก หาเกมเล่นก็ไม่ยอมติด สงสัยหมดวัย ซื้อเกมมาหลายร้อยเล่นไม่จบสักเกม
แล้วจะให้ผมทำอะไรถ้าไม่ทำงานล่ะเนี่ย
I am Aj. Pom
Just a small blog of one simple teacher...
วันเสาร์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558
วันอังคารที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2558
บั้นปลายชีวิตข้าราชการครู
อีกไม่กี่วันผมก็จบชีวิตการเป็นข้าราชการครูแล้ว แต่แน่นอนผมจะยังเป็นครูต่อไป ครูในแบบที่ผมจะเป็น และจะเป็นไปตลอดชีวิต มีอะไรต้องทำมากมายก่อนที่จะจบหน้าที่ของตัวเองตรงนี้ลง เหนื่อยมากเลยทีเดียว
ผมอยากขอบคุณกับภาระงานที่เข้ามาตอนนี้ เพราะมันพาความสนุก ความมันเข้ามาด้วย การเร่งทำเกรดนักเรียน ไปทัศนศึกษา และค่ายคณิตศาสตร์ ภายในเวลาหนึ่งสัปดาห์ ฟังดูน่าเหลือเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้ในระยะเวลาอันสั้น
ตัวผมเองยอมรับว่าตอนนี้มันกร่อน มันสึกหรอไปหมด ทั้งร่างกาย ความคิด และสภาพจิตใจ เฝ้ารอวันที่จะได้พักฟื้นฟูอย่างเต็มที่ การทำงานในช่วงที่ผ่านมาพูดได้อย่างเต็มปากว่าไม่เต็มความสามารถเลยจริงๆ
เอาเข้าจริงแล้วในใจไม่ได้อยากจะไปไหนทั้งนั้น ทัศนศึกษาก็ไม่อยากไป ค่ายคณิตศาสตร์ก็ไม่ได้อยากไป อยากอยู่นิ่งๆ เฉยๆ เก็บของจากห้องทำงานกลับบ้าน แต่ก็เหมือนมีอะไรบางอย่างกระตุ้นเราว่าต้องไปนะ นี่เป็นโอกาสสุดท้ายแล้ว
เมื่อทุกกิจกรรมผ่านไป ผมอยากขอบคุณตัวเองที่ตัดสินใจทำมัน จะเรียกว่าเป็นบั้นปลายชีวิตราชการที่ "โคตรมีความสุข" เลยจริงๆ การไปทัศนศึกษาแม้สถานที่ไม่ได้น่าตื่นเต้นอะไร แต่ก็มีบางสิ่งที่ทำให้เรายิ้มไปได้ทั้งวัน
เช่นกันกับค่ายคณิตศาสตร์ ผมสนุกกับมันมาก แต่กลับมานั่งคิดแล้วก็ต้องบอกว่าตัวเองไม่สามารถ "ปล่อยของ" ได้เต็มที่อย่างที่ตั้งเป้าหมายเอาไว้ แน่นอนเป็นผลจากการพักผ่อนที่น้อยมากๆ นั่นทำให้ประสิทธิภาพในตัวเองลดลงไปมาก
ค่ายจบไป แอบเสียดายโอกาสเหมือนกันนะ ต่อจากนี้จะได้ออกค่ายกับเด็กๆ ไปไหนมาไหนอีกหลายๆ ที่หรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่ชีวิตต้องก้าวต่อไป ขอบคุณโอกาสที่ให้เราได้ทำอะไรมากมายในช่วงเวลาสุดท้ายตรงนี้ จะเก็บไว้ในความทรงจำตลอดไป ...
ผมอยากขอบคุณกับภาระงานที่เข้ามาตอนนี้ เพราะมันพาความสนุก ความมันเข้ามาด้วย การเร่งทำเกรดนักเรียน ไปทัศนศึกษา และค่ายคณิตศาสตร์ ภายในเวลาหนึ่งสัปดาห์ ฟังดูน่าเหลือเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้ในระยะเวลาอันสั้น
ตัวผมเองยอมรับว่าตอนนี้มันกร่อน มันสึกหรอไปหมด ทั้งร่างกาย ความคิด และสภาพจิตใจ เฝ้ารอวันที่จะได้พักฟื้นฟูอย่างเต็มที่ การทำงานในช่วงที่ผ่านมาพูดได้อย่างเต็มปากว่าไม่เต็มความสามารถเลยจริงๆ
เอาเข้าจริงแล้วในใจไม่ได้อยากจะไปไหนทั้งนั้น ทัศนศึกษาก็ไม่อยากไป ค่ายคณิตศาสตร์ก็ไม่ได้อยากไป อยากอยู่นิ่งๆ เฉยๆ เก็บของจากห้องทำงานกลับบ้าน แต่ก็เหมือนมีอะไรบางอย่างกระตุ้นเราว่าต้องไปนะ นี่เป็นโอกาสสุดท้ายแล้ว
เมื่อทุกกิจกรรมผ่านไป ผมอยากขอบคุณตัวเองที่ตัดสินใจทำมัน จะเรียกว่าเป็นบั้นปลายชีวิตราชการที่ "โคตรมีความสุข" เลยจริงๆ การไปทัศนศึกษาแม้สถานที่ไม่ได้น่าตื่นเต้นอะไร แต่ก็มีบางสิ่งที่ทำให้เรายิ้มไปได้ทั้งวัน
เช่นกันกับค่ายคณิตศาสตร์ ผมสนุกกับมันมาก แต่กลับมานั่งคิดแล้วก็ต้องบอกว่าตัวเองไม่สามารถ "ปล่อยของ" ได้เต็มที่อย่างที่ตั้งเป้าหมายเอาไว้ แน่นอนเป็นผลจากการพักผ่อนที่น้อยมากๆ นั่นทำให้ประสิทธิภาพในตัวเองลดลงไปมาก
ค่ายจบไป แอบเสียดายโอกาสเหมือนกันนะ ต่อจากนี้จะได้ออกค่ายกับเด็กๆ ไปไหนมาไหนอีกหลายๆ ที่หรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่ชีวิตต้องก้าวต่อไป ขอบคุณโอกาสที่ให้เราได้ทำอะไรมากมายในช่วงเวลาสุดท้ายตรงนี้ จะเก็บไว้ในความทรงจำตลอดไป ...
ทำไมจึงยังไม่หยุด
ทำไมไม่หยุดสักที... เป็นคำถามที่ผมเฝ้าคอยถามตัวเองเสมอมาในปีนี้ ผมรู้สึกว่าปี 2558 เป็นปีที่ผมประสบความสำเร็จในชีวิตตามเป้าหมายที่วางไว้มาก มาถึงจุดที่การมีรายได้เข้ามาไม่ทำให้รู้สึกดีใจได้เท่ากับการมีเวลาว่าง
ผมไม่ต้องนั่งกังวลว่าเงินเดือนเดือนนี้จะเข้าวันไหน ไม่ต้องนั่งกังวลว่าเดือนนี้จะมีงานเข้ามาบ้างหรือเปล่า เทรดหุ้นโดยไร้ความกังวลว่าปีนี้พอร์ตจะโตกี่เปอร์เซ็น ไม่ได้ร่ำรวยเป็นเศรษฐีอะไร แต่ผมรู้สึกว่าปีนี้ผมพอแล้ว 3 เดือนที่เหลือต่อจากนี้ ถ้าจะหยุดนิ่งอยู่เฉยๆ ไม่ต้องทำงาน ไม่มีรายได้เลย ผมก็อยู่ได้โดยไม่เดือดร้อน... แต่ทำไมยังทำงานไม่หยุดสักที
การรับงานหลายๆ ครั้งในช่วงหลังมา ผมไม่เคยพิจารณา ไม่เคยถามถึงค่าตอบแทน แต่จะถามว่า "ให้ผมสอนใคร" "เป้าหมายของโครงการนี้คืออะไร" ผมจะพิจารณาถึงประโยชน์ที่คนอื่นจะได้ เด็กๆ จะได้ ว่าคุ้มค่าต่อการเสียแรงของผมมั้ย ถ้าคุ้มก็จะทำ
เมื่อคืนหลับไปโดยมีคีย์บอร์ด Surface เป็นหมอน ไม่แน่ใจว่าหลับไปตอนกี่โมงเหมือนกัน แต่ผมฝัน... ในฝันมีคนถามผมว่าทำไมไม่หยุดสักที ยังคงเป็นคำถามที่ยังวนเวียนอยู่ในความคิดผมตลอดเวลาแม้แต่นอนหลับฝัน ตื่นขึ้นมาสิ่งแรกที่ทำคือพยายามหาคำตอบให้กับคำถามนี้
สุดท้ายผมก็ได้คำตอบแล้วว่า แม้ตัวผมพร้อมที่จะหยุด แต่โลกยังคงหมุนต่อไป การศึกษายังต้องดำเนินต่อไป Open Durian ยังต้องเติบโตขึ้น เด็กๆ ยังต้องเรียน ยังต้องสอบ ยังต้องมุ่งสู่ฝันต่อไป และนี่คือเหตุผลที่ผมไม่สามารถหยุดได้
ผมไม่ต้องนั่งกังวลว่าเงินเดือนเดือนนี้จะเข้าวันไหน ไม่ต้องนั่งกังวลว่าเดือนนี้จะมีงานเข้ามาบ้างหรือเปล่า เทรดหุ้นโดยไร้ความกังวลว่าปีนี้พอร์ตจะโตกี่เปอร์เซ็น ไม่ได้ร่ำรวยเป็นเศรษฐีอะไร แต่ผมรู้สึกว่าปีนี้ผมพอแล้ว 3 เดือนที่เหลือต่อจากนี้ ถ้าจะหยุดนิ่งอยู่เฉยๆ ไม่ต้องทำงาน ไม่มีรายได้เลย ผมก็อยู่ได้โดยไม่เดือดร้อน... แต่ทำไมยังทำงานไม่หยุดสักที
การรับงานหลายๆ ครั้งในช่วงหลังมา ผมไม่เคยพิจารณา ไม่เคยถามถึงค่าตอบแทน แต่จะถามว่า "ให้ผมสอนใคร" "เป้าหมายของโครงการนี้คืออะไร" ผมจะพิจารณาถึงประโยชน์ที่คนอื่นจะได้ เด็กๆ จะได้ ว่าคุ้มค่าต่อการเสียแรงของผมมั้ย ถ้าคุ้มก็จะทำ
เมื่อคืนหลับไปโดยมีคีย์บอร์ด Surface เป็นหมอน ไม่แน่ใจว่าหลับไปตอนกี่โมงเหมือนกัน แต่ผมฝัน... ในฝันมีคนถามผมว่าทำไมไม่หยุดสักที ยังคงเป็นคำถามที่ยังวนเวียนอยู่ในความคิดผมตลอดเวลาแม้แต่นอนหลับฝัน ตื่นขึ้นมาสิ่งแรกที่ทำคือพยายามหาคำตอบให้กับคำถามนี้
สุดท้ายผมก็ได้คำตอบแล้วว่า แม้ตัวผมพร้อมที่จะหยุด แต่โลกยังคงหมุนต่อไป การศึกษายังต้องดำเนินต่อไป Open Durian ยังต้องเติบโตขึ้น เด็กๆ ยังต้องเรียน ยังต้องสอบ ยังต้องมุ่งสู่ฝันต่อไป และนี่คือเหตุผลที่ผมไม่สามารถหยุดได้
วันพุธที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2558
ดู Freelance แล้วย้อนดูตัวเอง ... [SPOILER ALERT]
ไม่ได้รีวิวหนังอะไรนะครับ แต่ดูแล้วรู้สึกตรงกับชีวิตตัวเองยังไงไม่รู้
เปิดเรื่องมาด้วยประโยคว่า "คนเราควรนอนวันละ 6-8 ชั่วโมง" สะอึกเลย เหมือนโดนด่า 555+
ยุ่นทำงานแบบไม่หลับไม่นอน ไม่มีเวลาว่าง ไม่มีเวลาเจอเพื่อน ถึงเราจะไม่หนักขนาดนั้น แต่ก็เหมือนสะท้อนชีวิตตัวเองโคตรๆ ยิ่งจังหวะที่รู้สึกเหมือนตัวเองทำงานได้ไม่ดี แต่กลับดีในสายตาคนอื่นและได้รับคำชมนี่ หายเหนื่อยแทน
พอเริ่มป่วยจนกระทบการทำงาน (นี่ก็ตรงอีก) ไปหาหมอ ได้ยามา สิ่งที่ทำให้สะอึกได้อีกระลอกคือการไม่ยอมกินยาก่อนนอน (ที่ทำให้ง่วง) ทุกครั้งที่ไปหาหมอก็จะบอกว่ายาหมดแล้ว เพราะหมอให้ยาตามจำนวนวันที่หมอนัดครั้งถัดไป ถ้าบอกว่ายังเหลือหมอก็จะจับได้ จนตอนนี้ยาก่อนนอนตัวนั้นเหลือเต็มบ้าน
หันมองเครื่องช่วยหายใจที่วางไว้เฉยๆ นานๆ จะใส่สักครั้งเพราะไม่ชอบใส่ มันเสียเวลา วันนี้ไปหาหมอ ผลในเครื่องฟ้องว่าระยะเวลาที่เอาเครื่องมาใช้ 1 เดือน นั้น เราไม่ได้ใส่ถึง 13 วัน และมีเพียง 10 วัน ที่เราใส่เครื่องนั้นเกิน 4 ชั่วโมง แล้วจะหายได้ไงเนอะ
สิ่งหนึ่งที่ไม่ตรงคือหมอเรามีอายุและไม่สวยเหมือนในหนัง 555+
พอยุ่นมีงานใหญ่เข้ามา ก็รับทันที แม้ในใจจะรู้ว่าร่างกายไม่พร้อม และเวลาแทบจะไม่มี ตรงเป๊ะกับชีวิตช่วงนี้ แต่เราก็ฝ่าฟันมันมาได้ แม้จะเสียมาตรฐานตัวเองไปเล็กน้อย
นั่งมองบัตรสมาชิกฟิตเนสรายปีที่เพิ่งหมดอายุไปก็เสียดาย ที่เคยบอกกับตัวเองว่าจะจัดเวลา ฟิตเนสอยู่ใกล้โรงเรียน ยังไงก็ไปได้ แต่สุดท้ายใช้ไม่คุ้มเลยจริงๆ
จังหวะที่ยุ่นพยายามนอนเร็ว แต่ก็หลับไม่ลงเพราะกังวลงาน อันนี้น้ำตาจะไหล พี่เต๋อเอาชีวิตเราไปทำหนังใช่มั้ยเนี่ย >"<
เมื่อพีคจนถึงจุดหนึ่งก็ต้องหันกลับมาทำเพื่อตัวเอง ปฏิเสธงาน หาเวลาให้ตัวเอง ของเราอาจจะหนักกว่านั้นคือเปลี่ยนงานไปเลย
คิดไปคิดมาแล้วเราก็ควรทำอะไรสักอย่างเพื่อชีวิตตัวเอง จะได้ไม่ต้องพบจุดจบแบบในหนัง เรายังตายไม่ได้ ยังมีอะไรไม่ได้ทำอีกเยอะเลย
วงการการศึกษามันโหดร้าย ^^"
วันพฤหัสบดีที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2558
เราควรจองที่นั่งก่อนไปซื้ออาหารหรือไม่
ศูนย์อาหารเป็นที่ฝากท้องของใครหลายๆ คนที่เบื่อร้านอาหารเฟรนไชส์ตามห้าง สิ่งแรกที่คนส่วนใหญ่มักมองหาหลังจากแลกคูปองเรียบร้อยคือที่นั่ง เราจองที่นั่งก่อนไปซื้ออาหารเพื่อให้มั่นใจว่าหลังจากได้รับอาหารแล้วมีที่นั่งทานแน่นอน
ผมอาจไม่ได้ใช้บริการศูนย์อาหารบ่อยนัก แต่ถ้าไปฝากท้องเมื่อไร ผมจะซื้ออาหารก่อนแล้วค่อยหาที่นั่ง
ผมไม่ได้อินดี้อะไรหรอกครับ อย่างวันนี้ผมก็ไปซื้ออาหารตามปกติ ระหว่างมองหาที่นั่ง ผมเห็นที่นั่งกว่าครึ่งหนึ่งถูกจองไว้รอคอยคนไปซื้ออาหาร
ผมเดินวนแล้ววนอีกจนคิดในใจว่า ในระหว่างที่โต๊ะถูกจองไว้อย่างว่างเปล่า ถ้าผมได้นั่งผมคงทานอาหารเสร็จเรียบร้อยไปแล้ว
อีกหลายคนที่เดินถือถาดอาหารวนหาที่นั่งก็คงทานเรียบร้อยเหมือนกันถ้าได้นั่ง
กรณีที่ของเยอะแล้วเอาของวางไว้ที่โต๊ะก่อนไปซื้ออาหาร อันนี้คงเหมาะสมดีแล้วครับ แต่หลายๆ คน ก็ไม่ได้มีของอะไร แค่ให้เพื่อนนั่งจองว่างๆ หรือเอาของเล็กๆ น้อยๆ วางจองไว้
ผมก็บ่นไปเรื่อยแหลครับ ลองดูนะครับ ถ้าไม่มีของเต็มไม้เต็มมืออะไร ผมว่าวิธีของผมน่าจะช่วยแก้ปัญหาไม่มีที่นั่งกินข้าวในศูนย์อาหารได้พอสมควรเลย
ผมอาจไม่ได้ใช้บริการศูนย์อาหารบ่อยนัก แต่ถ้าไปฝากท้องเมื่อไร ผมจะซื้ออาหารก่อนแล้วค่อยหาที่นั่ง
ผมไม่ได้อินดี้อะไรหรอกครับ อย่างวันนี้ผมก็ไปซื้ออาหารตามปกติ ระหว่างมองหาที่นั่ง ผมเห็นที่นั่งกว่าครึ่งหนึ่งถูกจองไว้รอคอยคนไปซื้ออาหาร
ผมเดินวนแล้ววนอีกจนคิดในใจว่า ในระหว่างที่โต๊ะถูกจองไว้อย่างว่างเปล่า ถ้าผมได้นั่งผมคงทานอาหารเสร็จเรียบร้อยไปแล้ว
อีกหลายคนที่เดินถือถาดอาหารวนหาที่นั่งก็คงทานเรียบร้อยเหมือนกันถ้าได้นั่ง
กรณีที่ของเยอะแล้วเอาของวางไว้ที่โต๊ะก่อนไปซื้ออาหาร อันนี้คงเหมาะสมดีแล้วครับ แต่หลายๆ คน ก็ไม่ได้มีของอะไร แค่ให้เพื่อนนั่งจองว่างๆ หรือเอาของเล็กๆ น้อยๆ วางจองไว้
ผมก็บ่นไปเรื่อยแหลครับ ลองดูนะครับ ถ้าไม่มีของเต็มไม้เต็มมืออะไร ผมว่าวิธีของผมน่าจะช่วยแก้ปัญหาไม่มีที่นั่งกินข้าวในศูนย์อาหารได้พอสมควรเลย
วันพฤหัสบดีที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2558
นับถอยหลัง... สู่การเป็นสามัญชน
ผมอาจไม่ใช่คนที่เกิดมาเพื่อเป็นครู แต่อุดมการณ์ผลักดันให้ผมได้เข้ามาอยู่ในถนนสายนี้ อาจเป็นโชคชะตาหรือลิขิตฟ้าที่เปลี่ยนให้คนอย่างผมหันมาสนใจความเป็นไปของอนาคตของชาติ แต่ท้ายที่สุดแล้วผมก็รู้สึกว่านี่ไม่ใช่เส้นทางผมควรก้าวต่อไป
กว่า 7 ปี ที่ผมอุทิศตนให้กับการศึกษาอย่างมีจุดมุ่งหมาย นับเป็นช่วงเวลาที่น่าจดจำที่สุดในชีวิตหนึ่งที่ได้เกิดมาบนโลกอันสวยงามใบนี้ มีสุข มีทุกข์ มีสมหวัง มีผิดหวัง ปะปนกันไป แต่อย่างน้อย ผมก็มั่นใจว่า 7 ปีที่ผ่านมา ผมได้ทำในสิ่งที่มีคุณค่าที่สุดในชีวิตไปแล้ว
ผมอาจไม่ใช่ครูที่ดีที่สุด แต่ผมเชื่อว่าผมเป็นครูที่ตั้งใจที่สุดคนหนึ่ง แม้ผมไม่ได้เรียนมาทางสายนี้โดยตรง แต่ผมก็พยายามอย่างเต็มที่เพื่อพัฒนาตนเองในด้านการศึกษา ไม่เคยเกรงกลัวที่จะทำงานหนัก พยายามทุกอย่างเท่าที่ความสามารถจะอำนวย หวังว่าวันหนึ่งจะเป็นครูที่ดีและเป็นตัวต่อชิ้นเล็กๆ ชิ้นหนึ่งที่ช่วยให้การศึกษาของเราเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา
อย่างไรก็ตาม ความมุ่งมั่นของผมคงไม่ยิ่งใหญ่พอที่จะทำให้การศึกษาของเราดีขึ้น เมื่อสิ่งต่างๆ ในระบบไม่เป็นไปอย่างที่ควรจะเป็น การอยู่ในระบบไม่เอื้อให้ผมใช้ความสามารถได้อย่างเต็มที่และเหมาะสม จนกระทั่งวันนี้ ความทะเยอทะยานที่พลุ่งพล่านอยู่ในตัวผมไม่ได้ลดลงแต่อย่างใด ผมจึงจำเป็นต้องค้นหาทางออกที่ดีที่สุดทั้งสำหรับระบบการศึกษาและตัวผม
ผมไม่ทิ้งความฝัน ความมุ่งมั่น ที่ผมสั่งสมมาทั้งชีวิตไปแน่นอน ผมจะไม่ทิ้งเด็กๆ ที่เป็นอนาคตของชาติเอาไว้ เพียงแต่ผมขอเลือกที่ไปอยู่ในจุดที่ผมจะได้ใช้ความสามารถอุทิศเพื่อการศึกษาได้อย่างเต็มที่กว่านี้ ผมจึงขอก้าวถอยออกมาจากระบบนี้ และเลือกที่จะก้าวต่อไปในเส้นทางที่ผมมีอิสระในการทำงาน มีอิสระทางความคิดมากกว่านี้ ซึ่งผมจะสามารถทุ่มเททั้งแรงกายและแรงใจเพื่อพัฒนาการศึกษาของชาติได้อย่างเต็มที่
ผมรักนักเรียนไทย ผมรักประเทศไทยครับ
กันต์ดนัย
ครู ...
วันพฤหัสบดีที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2558
R.I.P. Christopher Lee
อีกหนึ่งฉากการต่อสู้ด้วยดาบแสงที่จะเป็นที่จดจำไปตลอดกาลสำหรับแฟนๆ Star Wars
Christopher Lee นักแสดงผู้รับบท Count Dooku ได้แสดงบทบาทการต่อสู้ที่เป็นตำนานกับอาจารย์ Yoda เอาไว้ใน Star Wars Ep.2 ขณะที่เขามีอายุ 79 ปี
เมื่อวานนี้ Lee ได้สิ้นอายุขัยลงด้วยวัย 93 ปี เสียดายที่ไม่ได้อยู่ดูนักแสดงรุ่นน้องใน The Force Awakens
ขอพลังจงอยู่กับเขาตลอดไป
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)