อีกไม่กี่วันผมก็จบชีวิตการเป็นข้าราชการครูแล้ว แต่แน่นอนผมจะยังเป็นครูต่อไป ครูในแบบที่ผมจะเป็น และจะเป็นไปตลอดชีวิต มีอะไรต้องทำมากมายก่อนที่จะจบหน้าที่ของตัวเองตรงนี้ลง เหนื่อยมากเลยทีเดียว
ผมอยากขอบคุณกับภาระงานที่เข้ามาตอนนี้ เพราะมันพาความสนุก ความมันเข้ามาด้วย การเร่งทำเกรดนักเรียน ไปทัศนศึกษา และค่ายคณิตศาสตร์ ภายในเวลาหนึ่งสัปดาห์ ฟังดูน่าเหลือเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้ในระยะเวลาอันสั้น
ตัวผมเองยอมรับว่าตอนนี้มันกร่อน มันสึกหรอไปหมด ทั้งร่างกาย ความคิด และสภาพจิตใจ เฝ้ารอวันที่จะได้พักฟื้นฟูอย่างเต็มที่ การทำงานในช่วงที่ผ่านมาพูดได้อย่างเต็มปากว่าไม่เต็มความสามารถเลยจริงๆ
เอาเข้าจริงแล้วในใจไม่ได้อยากจะไปไหนทั้งนั้น ทัศนศึกษาก็ไม่อยากไป ค่ายคณิตศาสตร์ก็ไม่ได้อยากไป อยากอยู่นิ่งๆ เฉยๆ เก็บของจากห้องทำงานกลับบ้าน แต่ก็เหมือนมีอะไรบางอย่างกระตุ้นเราว่าต้องไปนะ นี่เป็นโอกาสสุดท้ายแล้ว
เมื่อทุกกิจกรรมผ่านไป ผมอยากขอบคุณตัวเองที่ตัดสินใจทำมัน จะเรียกว่าเป็นบั้นปลายชีวิตราชการที่ "โคตรมีความสุข" เลยจริงๆ การไปทัศนศึกษาแม้สถานที่ไม่ได้น่าตื่นเต้นอะไร แต่ก็มีบางสิ่งที่ทำให้เรายิ้มไปได้ทั้งวัน
เช่นกันกับค่ายคณิตศาสตร์ ผมสนุกกับมันมาก แต่กลับมานั่งคิดแล้วก็ต้องบอกว่าตัวเองไม่สามารถ "ปล่อยของ" ได้เต็มที่อย่างที่ตั้งเป้าหมายเอาไว้ แน่นอนเป็นผลจากการพักผ่อนที่น้อยมากๆ นั่นทำให้ประสิทธิภาพในตัวเองลดลงไปมาก
ค่ายจบไป แอบเสียดายโอกาสเหมือนกันนะ ต่อจากนี้จะได้ออกค่ายกับเด็กๆ ไปไหนมาไหนอีกหลายๆ ที่หรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่ชีวิตต้องก้าวต่อไป ขอบคุณโอกาสที่ให้เราได้ทำอะไรมากมายในช่วงเวลาสุดท้ายตรงนี้ จะเก็บไว้ในความทรงจำตลอดไป ...
วันอังคารที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2558
ทำไมจึงยังไม่หยุด
ทำไมไม่หยุดสักที... เป็นคำถามที่ผมเฝ้าคอยถามตัวเองเสมอมาในปีนี้ ผมรู้สึกว่าปี 2558 เป็นปีที่ผมประสบความสำเร็จในชีวิตตามเป้าหมายที่วางไว้มาก มาถึงจุดที่การมีรายได้เข้ามาไม่ทำให้รู้สึกดีใจได้เท่ากับการมีเวลาว่าง
ผมไม่ต้องนั่งกังวลว่าเงินเดือนเดือนนี้จะเข้าวันไหน ไม่ต้องนั่งกังวลว่าเดือนนี้จะมีงานเข้ามาบ้างหรือเปล่า เทรดหุ้นโดยไร้ความกังวลว่าปีนี้พอร์ตจะโตกี่เปอร์เซ็น ไม่ได้ร่ำรวยเป็นเศรษฐีอะไร แต่ผมรู้สึกว่าปีนี้ผมพอแล้ว 3 เดือนที่เหลือต่อจากนี้ ถ้าจะหยุดนิ่งอยู่เฉยๆ ไม่ต้องทำงาน ไม่มีรายได้เลย ผมก็อยู่ได้โดยไม่เดือดร้อน... แต่ทำไมยังทำงานไม่หยุดสักที
การรับงานหลายๆ ครั้งในช่วงหลังมา ผมไม่เคยพิจารณา ไม่เคยถามถึงค่าตอบแทน แต่จะถามว่า "ให้ผมสอนใคร" "เป้าหมายของโครงการนี้คืออะไร" ผมจะพิจารณาถึงประโยชน์ที่คนอื่นจะได้ เด็กๆ จะได้ ว่าคุ้มค่าต่อการเสียแรงของผมมั้ย ถ้าคุ้มก็จะทำ
เมื่อคืนหลับไปโดยมีคีย์บอร์ด Surface เป็นหมอน ไม่แน่ใจว่าหลับไปตอนกี่โมงเหมือนกัน แต่ผมฝัน... ในฝันมีคนถามผมว่าทำไมไม่หยุดสักที ยังคงเป็นคำถามที่ยังวนเวียนอยู่ในความคิดผมตลอดเวลาแม้แต่นอนหลับฝัน ตื่นขึ้นมาสิ่งแรกที่ทำคือพยายามหาคำตอบให้กับคำถามนี้
สุดท้ายผมก็ได้คำตอบแล้วว่า แม้ตัวผมพร้อมที่จะหยุด แต่โลกยังคงหมุนต่อไป การศึกษายังต้องดำเนินต่อไป Open Durian ยังต้องเติบโตขึ้น เด็กๆ ยังต้องเรียน ยังต้องสอบ ยังต้องมุ่งสู่ฝันต่อไป และนี่คือเหตุผลที่ผมไม่สามารถหยุดได้
ผมไม่ต้องนั่งกังวลว่าเงินเดือนเดือนนี้จะเข้าวันไหน ไม่ต้องนั่งกังวลว่าเดือนนี้จะมีงานเข้ามาบ้างหรือเปล่า เทรดหุ้นโดยไร้ความกังวลว่าปีนี้พอร์ตจะโตกี่เปอร์เซ็น ไม่ได้ร่ำรวยเป็นเศรษฐีอะไร แต่ผมรู้สึกว่าปีนี้ผมพอแล้ว 3 เดือนที่เหลือต่อจากนี้ ถ้าจะหยุดนิ่งอยู่เฉยๆ ไม่ต้องทำงาน ไม่มีรายได้เลย ผมก็อยู่ได้โดยไม่เดือดร้อน... แต่ทำไมยังทำงานไม่หยุดสักที
การรับงานหลายๆ ครั้งในช่วงหลังมา ผมไม่เคยพิจารณา ไม่เคยถามถึงค่าตอบแทน แต่จะถามว่า "ให้ผมสอนใคร" "เป้าหมายของโครงการนี้คืออะไร" ผมจะพิจารณาถึงประโยชน์ที่คนอื่นจะได้ เด็กๆ จะได้ ว่าคุ้มค่าต่อการเสียแรงของผมมั้ย ถ้าคุ้มก็จะทำ
เมื่อคืนหลับไปโดยมีคีย์บอร์ด Surface เป็นหมอน ไม่แน่ใจว่าหลับไปตอนกี่โมงเหมือนกัน แต่ผมฝัน... ในฝันมีคนถามผมว่าทำไมไม่หยุดสักที ยังคงเป็นคำถามที่ยังวนเวียนอยู่ในความคิดผมตลอดเวลาแม้แต่นอนหลับฝัน ตื่นขึ้นมาสิ่งแรกที่ทำคือพยายามหาคำตอบให้กับคำถามนี้
สุดท้ายผมก็ได้คำตอบแล้วว่า แม้ตัวผมพร้อมที่จะหยุด แต่โลกยังคงหมุนต่อไป การศึกษายังต้องดำเนินต่อไป Open Durian ยังต้องเติบโตขึ้น เด็กๆ ยังต้องเรียน ยังต้องสอบ ยังต้องมุ่งสู่ฝันต่อไป และนี่คือเหตุผลที่ผมไม่สามารถหยุดได้
วันพุธที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2558
ดู Freelance แล้วย้อนดูตัวเอง ... [SPOILER ALERT]
ไม่ได้รีวิวหนังอะไรนะครับ แต่ดูแล้วรู้สึกตรงกับชีวิตตัวเองยังไงไม่รู้
เปิดเรื่องมาด้วยประโยคว่า "คนเราควรนอนวันละ 6-8 ชั่วโมง" สะอึกเลย เหมือนโดนด่า 555+
ยุ่นทำงานแบบไม่หลับไม่นอน ไม่มีเวลาว่าง ไม่มีเวลาเจอเพื่อน ถึงเราจะไม่หนักขนาดนั้น แต่ก็เหมือนสะท้อนชีวิตตัวเองโคตรๆ ยิ่งจังหวะที่รู้สึกเหมือนตัวเองทำงานได้ไม่ดี แต่กลับดีในสายตาคนอื่นและได้รับคำชมนี่ หายเหนื่อยแทน
พอเริ่มป่วยจนกระทบการทำงาน (นี่ก็ตรงอีก) ไปหาหมอ ได้ยามา สิ่งที่ทำให้สะอึกได้อีกระลอกคือการไม่ยอมกินยาก่อนนอน (ที่ทำให้ง่วง) ทุกครั้งที่ไปหาหมอก็จะบอกว่ายาหมดแล้ว เพราะหมอให้ยาตามจำนวนวันที่หมอนัดครั้งถัดไป ถ้าบอกว่ายังเหลือหมอก็จะจับได้ จนตอนนี้ยาก่อนนอนตัวนั้นเหลือเต็มบ้าน
หันมองเครื่องช่วยหายใจที่วางไว้เฉยๆ นานๆ จะใส่สักครั้งเพราะไม่ชอบใส่ มันเสียเวลา วันนี้ไปหาหมอ ผลในเครื่องฟ้องว่าระยะเวลาที่เอาเครื่องมาใช้ 1 เดือน นั้น เราไม่ได้ใส่ถึง 13 วัน และมีเพียง 10 วัน ที่เราใส่เครื่องนั้นเกิน 4 ชั่วโมง แล้วจะหายได้ไงเนอะ
สิ่งหนึ่งที่ไม่ตรงคือหมอเรามีอายุและไม่สวยเหมือนในหนัง 555+
พอยุ่นมีงานใหญ่เข้ามา ก็รับทันที แม้ในใจจะรู้ว่าร่างกายไม่พร้อม และเวลาแทบจะไม่มี ตรงเป๊ะกับชีวิตช่วงนี้ แต่เราก็ฝ่าฟันมันมาได้ แม้จะเสียมาตรฐานตัวเองไปเล็กน้อย
นั่งมองบัตรสมาชิกฟิตเนสรายปีที่เพิ่งหมดอายุไปก็เสียดาย ที่เคยบอกกับตัวเองว่าจะจัดเวลา ฟิตเนสอยู่ใกล้โรงเรียน ยังไงก็ไปได้ แต่สุดท้ายใช้ไม่คุ้มเลยจริงๆ
จังหวะที่ยุ่นพยายามนอนเร็ว แต่ก็หลับไม่ลงเพราะกังวลงาน อันนี้น้ำตาจะไหล พี่เต๋อเอาชีวิตเราไปทำหนังใช่มั้ยเนี่ย >"<
เมื่อพีคจนถึงจุดหนึ่งก็ต้องหันกลับมาทำเพื่อตัวเอง ปฏิเสธงาน หาเวลาให้ตัวเอง ของเราอาจจะหนักกว่านั้นคือเปลี่ยนงานไปเลย
คิดไปคิดมาแล้วเราก็ควรทำอะไรสักอย่างเพื่อชีวิตตัวเอง จะได้ไม่ต้องพบจุดจบแบบในหนัง เรายังตายไม่ได้ ยังมีอะไรไม่ได้ทำอีกเยอะเลย
วงการการศึกษามันโหดร้าย ^^"
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)